Translate

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558


สรุปเรื่องบล็อก




           บล็อก (อังกฤษ: blog) เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก (อังกฤษ: weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คำว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"

การใช้งานบล็อก
         ผู้ใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริหารบล็อกผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์เหมือนการใช้งานและอ่านเว็บไซต์ทั่วไป โดยจะมีรูปแบบบริหารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิการของบล็อก ผู้เขียนหลายคนจะส่งเรื่องเข้าทางบล็อก และจะต้องรอให้บรรณาธิการอนุมัติให้บล็อกเผยแพร่ก่อน บล็อกถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากบล็อกส่วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทันที
        ผู้เขียนบล็อกในปัจจุบันจะใช้งานบล็อกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งไม่ว่า ติดตั้งซอฟต์แวร์ของตัวเอง หรือใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการบล็อก
         สำหรับผู้อ่านบล็อกจะใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถแสดงความเห็นได้ในส่วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลงทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผู้อ่านบล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผ่านระบบฟีด ซึ่งมีให้บริการในบล็อกทั่วไป ทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านบล็อกได้โดยตรง ผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาสู่หน้าบล็อกนั้น

ลักษณะสำคัญของบล็อก
1. แสดงเนื้อหาเป็นชุด ๆ และแต่ละชุดมีวันที่ ที่บันทึกเนื้อหากำกับไว้อย่างชัดเจน
2. เรียงลำดับเนื้อหาตามวันที่ โดยข้อความใหม่ล่าสุดที่บันทึกเข้าไป จะถูกแสดงอยู่ด้านบนสุดของหน้าเว็บไซต์ ส่วนข้อความที่บันทึกเข้าไปก่อนหน้านั้น จะอยู่ถัดลงไปเรื่อย ๆ
3. มีการสะสมชุดเนื้อหาย้อนหลัง ผู้อ่านสามารถค้นหาตามวันเวลา (archive) หรือค้นหาจากคำสำคัญ (tag) ได้
4. อาจอนุญาตให้ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็น (comment) ที่มีต่อเนื้อหาได้
5. อาจมีการจัดหมวดหมู่ของเนื้อหาออกเป็นกลุ่ม ๆ (category) เช่น บล็อกหนึ่ง ๆอาจไม่ได้มีเนื้อหาเพียงเรื่องเดียว เพราะเจ้าของบล็อกมีความสนใจในหลาย ๆ เรื่อง เพื่อให้สะดวกในการอ่าน จึงทำการแยกเป็นหลายหมวดหมู่ไว้ ตัวอย่างเช่น บันทึกประจำวันแนะนำเว็บวิเคราะห์ข่าววิจารณ์ภาพยนตร์ เป็นต้น
6. อาจมี RSS Feed เพื่อให้สะดวกในการติดตามการอัพเดทข้อมูลของบล็อกนั้น ๆและเพื่อความสะดวกในการอ่านบล็อกโดยที่ไม่ต้องเข้ามาอ่านที่บล็อกจริง ๆ

ประโยชน์ของบล็อก 
1. ใช้เป็นเครื่องมือสร้างความรู้
2. เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ความรู้
3. เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนความรู้
4. เป็นเครื่องมือในการค้นหาความรู้ ผู้ชำนาญการ และชุมชนปฏิบัติ
5. เป็นเครื่องมือในการรวบรวมและแยกแยะประเภทของความรู้ สกัดแก่นความรู้ และสร้างความสัมพันธ์ของความรู้
6. เป็นเครื่องมือในการสร้างลำดับความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของความรู้
7. ใช้เป็นเครื่องมือแสดงรายละเอียดของแก่นความรู้อย่างเป็นระบบฃ
8. เป็นศูนย์ความรู้ขององค์การ 

ผู้ให้บริการบล็อกในประเทศไทยที่เป็นที่รู้จัก
·         Blognone บล็อกสำหรับเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีและข่าวไอทีอย่างเดียว
·         เอกซ์ทีน
·         GotoKnow
·         Bloggoo
·         learners.in.th
·         บล็อกแก๊ง
·         โอเคเนชั่น
นอกจากนี้ทางเว็บที่นิยมของไทยอย่าง สนุก.คอมกระปุก.คอม หรือผู้จัดการออนไลน์ ก็ได้มีการเปิดให้บริการบล็อก

บทที่ 8



กฎหมาย จรรยาบรรณ และ ความปลอดภัยคอมพิวเตอร์


1. กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
                เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญของการประกอบกิจการและการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่นในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติดังต่อไปนี้   
                จากพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ จะเห็นได้ว่า คำพูดใน พ.ร.บ นั้นเป็นภาษากฎหมายทำให้อ่านแล้วยากต่อการทำความเข้าใจ จึงขอแบ่งกลุ่มของมาตรา ตาม พ.ร.บ. เพื่อความสะดวกในการเรียนรู้ นำเสนอบทลงโทษของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับนี้โดยสรุป ว่าทำอะไรผิดแล้วจะโดนลงโทษอะไรบ้าง

            กลุ่มของมาตรา ตาม พ.ร.บ. (แบ่งกลุ่มเพื่อความสะดวกในการเรียนรู้ )
                                1. บทนำ และนิยามศัพท์ มาตรา 1  ถึง 4     
                                2. การกระทำความผิด และบทลงโทษ มาตรา 5 ถึง 11
                                3. ความผิด และบทลงโทษที่กระทบสังคม   มาตรา 12 ถึง 17 
                                4. อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ มาตรา 18 ถึง 23
                                5. พยานหลักฐาน และผู้ให้บริการ  มาตรา 24 ถึง 27
                                6. คุณสมบัติของเจ้าหน้าที่ มาตรา 28 ถึง 30
หมายเหตุ ให้นักศึกษาอ่านพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐  ในเอกสารประกอบการสอน


2. จรรยาบรรณในการใช้งานคอมพิวเตอร์
                จรรยาบรรณเป็นเรื่อง ประมวลความประพฤติที่ผู้ประกอบการอาชีพการงานแต่ละอย่างกำหนดขึ้นเพื่อรักษา และส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียงและฐานะของสมาชิก อาจเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม้ก็ได้ จรรยาบรรณจึงเป็นหลักความประพฤติของบุคคลในแต่ละกลุ่มอาชีพ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้มีคุณธรรมและจริยธรรม   

จรรยาบรรณวิชาชีพคอมพิวเตอร์
จรรยาบรรณต่อตนเอง
                1 มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเอง ทำหน้าที่และใช้ชีวิตตามหลักธรรมาภิบาล
                                1.1 ประกอบอาชีพนักคอมพิวเตอร์ด้วยความ สุจริต ซื้อสัตย์ มีความยุติธรรม ใฝ่หาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาตนเอง และความรับผิดชอบ ซึ่งจะเพิ่มความสามารถจริยธรรมวิชาชีพคอมพิวเตอร์ให้กับตัวเราเอง
                                1.2 ผู้ที่ประกอบอาชีพทางคอมพิวเตอร์ ต้องมีความตั้งใจ มีความขยันและอดทนในการทำงาน เพื่อให้เกิดความสำเร็จ

จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมงาน
                2. ปฏิบัติตนให้อยู่ในความถูกต้อง
                                2.1 ไม่ทำการ Copy ผลงานของผู้อื่นที่ที่เรียกกันว่าละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นลายลักอักษรหรือ Software ต่างๆ
                                2.2 ให้ความเค้ารพนับถือผู้ร่วมงาน ไห้เกียติซึ่งกันและกัน และมีความเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่
                                2.3 ดูและรักษาความผูกพันของผู้ร่วมงานด้วยกันเอง
                 
จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ
                3. ไม่กระทำสิ่งใดๆที่ทำให้วิชาชีพของตนเองนั้นเสื่อมเสีย
                                3.1 ใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาอย่างสร้างสรรไม่ทำรายผู้อื่นหรือทำให้ผู้อื่นนั้นต้องเดือดร้อน
                                3.2 ไม่ดูหมิ่นอาชีพอื่นๆ
                                3.3 ให้ความร่วมมือกับส่งเสริมวิชาชีพของตนเอง เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนา
จรรยาบรรณต่อสังคม
                 4. เป็นตัวอย่างที่ดีในการประกอบอาชีพสายงานคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นตัวอย่างของสังคม
                                 4.1 ไม่เรียกร้องหรือรับสิ่งของทรัพย์สินใดที่ได้รับมาอย่างมิชอบ
                                 4.2 ไม่ใช้อำนาจหรือวิชาชีพเอื้ออำนวยให้ประโยชน์แก่ตนเองหรือบุคคลอื่นโดยมิชอบ
                                 4.3 ไม่ใช้วิชาชีพความรู้ต่างๆเพื่อทำการล่อลวงหรือหลอกลวงผู้อื่นจนก่อให้เกิดความเสื่อมเสี่ยหรือเสี่ยหาย

  • จรรยาบรรณผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำเป็นจะต้องมีจิตใต้สำนึกในการใช้คอมพิวเตอร์ด้วยความถูกต้อง ระมัดระวัง ไม่ให้เกิดผลกระทบกับตนเองและบุคคลอื่นมีดังนี้


                1. มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
                2. ไม่ละทิ้งงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
                3. ไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับกับผู้อื่น
                4. มีความจงรักภัคดีต่อองค์กร
                5. อุทิศตนให้กับวิชาชีพอย่างเต็มกำลังความสามารถ
                6. ไม่ทุจริตและคอรัปชั่น
                7. มีความรักและความศรัทธาต่อวิชาชีพ
                
  • จรรยาบรรณสำหรับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตผู้ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์จำเป็นจะต้องมีจิตใต้สำนึกในการใช้อินเทอร์เน็ตด้วยความถูกต้อง ระมัดระวัง ไม่ให้เกิดผลกระทบกับสังคมออนไลน์มีดังนี้


                1. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้าย หรือละเมิดผู้อื่น
                2. ต้องไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น
                3. ต้องไม่สอดแนมหรือ แก้ไข หรือเปิดดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
                4. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
                5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ
                6. ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อื่นที่มีลิขสิทธ์
                7. ต้องไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธ์
                8. ต้องไม่นำเอาผลงานของคนอื่นมาเป็นของตนเอง
                9. ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคม
                10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ


3. ความปลอดภัยคอมพิวเตอร์
                ในอดีตเรื่องความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งที่สามารถจัดการได้โดยง่าย เพียงแค่ใส่กุญแจประตู ห้องคอมพิวเตอร์ก็ถือว่าปลอดภัยแล้ว เพราะเนื่องจากในอดีตนั้น เครื่องคอมพิวเตอร์ ถูกติดตั้งและ ใช้งานในลักษณะระบบแบบรวมศูนย์(Centralize)ซึ่งมีระบบการทำงานและเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่เพียงหน่วยเดียว
                แต่ปัจจุบัน ระบบคอมพิวเตอร์ได้เปลี่ยนแปลงไป ใครๆ ก็สามารถเชื่อมต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่อยู่คนละสถานที่กัน ให้ติดต่อกันได้ อันเนื่องมาจาก ความสามารถของการสื่อสารข้อมูล ดังนั้นความปลอดภัย (Security) ของข้อมูลเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ที่ควรคำนึงถึงเพราะว่าไฟล์ข้อมูลจำนวนมาก ที่จัดเก็บอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ต้องได้รับการดูแล ให้ปลอดภัยจากการถูกทำลาย ความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ ขโมยหรือแม้แต่การจารกรรม อันเนื่องมาจากการสื่อสารที่เข้าถึงกันได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
                ดั้งนั้นเราในฐานะผู้ใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยต่อระบบคอมพิวเตอร์ แต่ก่อนที่เราจะรักษาความปลอดภัยของระบบความปลอดภัยคอมพิวเตอร์เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับภัยคุกคามคอมพิวเตอร์ก่อน

ภัยคุกคามของระบบคอมพิวเตอร์
                ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับระบบ (Disaster) เป็นความเสียหายทั้งทางด้านกายภาพและด้านข้อมูล ที่เกิดขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ โปรแกรมแฟ้มข้อมูล และอุปกรณ์อื่น ๆ ถูกทำลายให้ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งที่ร้ายแรงที่สุดอาจก็คือการที่ภัยนั้นทำให้ระบบล่มไม่สามารถใช้งานได้
                ประเภทของภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายนั้น สามารถจำแนกได้ 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
                                1. ภัยคุกคามทางตรรกะ (Logical)
                                2. ภัยคุกคามทางกายภาพ (Physica)l

บทที่ 7



การประยุกต์ใช้คลังความรู้


  • ความหมายของความรู้
        ความรู้ เป็นสิ่งที่สั่งสมจากการเรียนรู้ การค้นคว้า ประสบการณ์ที่ผ่านกระบวนการคิด เปรียบเทียบ เชื่อมโยงความรู้อื่น ๆ และผสมผสานกับความรู้และประสบการณ์เดิมจนเกิดเป็นความเข้าใจ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน หรือใช้ในการแก้ปัญหาได้




  • ขั้นตอนวิธีการสร้างคลังความรู้




  • ตัวอย่างการประยุกต์ใช้คลังความรู้

- คลังความรู้ด้วย Dspace


http://kb.hsri.or.th/dspace/discover


- คลังความรู้ในรูปแบบเว็บไซต์


ทรูปลูกปัญญา (http://www.trueplookpanya.com/new/knowledge)


- คลังความรู้ในรูปแบบ Blog Web


TISTR BLOG: Knowledge Bank  (http://www.tistr.or.th/tistrblog)


- คลังความรู้ในรูปแบบ e-Learning


LearnSquare (http://elearning.nectec.or.th) 


- คลังความรู้ในรูปแบบ Wiki


สารานุกรมเสรี (http://th.wikipedia.org/wiki) 


- คลังความรู้ในรูปแบบ Free Services


ฐานข้อมูลงานวิจัย (http://tdc.thailis.or.th/tdc) 


- คลังความรู้ในรูปแบบคลังภาพ


Picasa (http://picasa.google.com) 

บทที่ 6


ระบบสารสนเทศ




ความหมายของระบบสารสนเทศ

ระบบสารสนเทศ หมายถึง ระบบที่มีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ  (Input)  ประมวลผลหรือจัดการ (Process) กับข้อมูล ข่าวสารเพื่อให้ข้อมูลนั้นกลายเป็นสารสนเทศที่ดี (output) สามารถเผยแพร่และนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้สารสนเทศบางส่วนถูกจัดเก็บเป็นข้อมูล (storage) สำหรับนำมาเรียกใช้ภายหลังได้


องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ



ประเภทของระบบสารสนเทศ

บทที่ 5



เครือข่ายสังคมออนไลน์




Social Network คืออะไร ?
  • Social Network คือ การที่ผู้คนสามารถทำความรู้จักกัน และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
  • หากเป็นเว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็นเว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั่นเอง
  • ตัวอย่าง Social Network ได้แก่  Hi5, Facebook, Twitter ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น Social Network เต็มรูปแบบที่ให้ผู้คนได้มามีพื้นที่ได้ทำความรู้จักกันโดยเลือกได้ว่าต้องการทำความรู้จกกับใคร หรือ เป็นเพื่อนกับใคร


Social Media คืออะไร ?
  • Social ในที่นี้หมายถึง สังคมออนไลน์
  • Media ในที่นี้หมายถึง เนื้อหา เรื่องราว และบทความ
  • Social Media  หมายถึง สังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้เป็นผู้สื่อสาร หรือ เขียนเล่าเนื้อหาเรื่องราว ประสบการณ์บทความ รูปภาพ และวีดิโอ ที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเอง ทำขึ้นเอง หรือพบเจอจากสื่ออื่นๆ แล้วนำมาแบ่งปันให้กับผู้ที่ในเครือขายของตน ผ่านทางเว็บไซต์ Social Network ที่ให้บริการบนโลกออนไลน์ 


รายชื่อเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมปัจจุบัน
¨ เฟซบุ๊ก
¨ ไฮไฟฟ์
¨ ทวิตเตอร์
¨ มัลติพลาย
¨ ฟลิคเกอร์
¨ โฟร์สแควร์
¨ โกวอลลา
¨ กูเกิล พลัส
¨ ออกัต  

บทที่ 4


การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน


1. การประยุกต์ใช้  Microsoft Word

การรียกใช้โปรแกรม Microsoft Word
- เรียกจาก Desktop  หรือ หรือจาก Shortcut 
- คลิกที่ปุ่ม Start -> Programs -> Microsoft Office -> Microsoft Office Word 2007 

ส่วนประกอบของ Microsoft Word


การบันทึกเอกสาร
1. คลิกปุ่ม Save  บนแถบ Quick Access Toolbar หรือ คลิกปุ่ม   Office Button   เลือกคำสั่ง Save หรือ Save As
2. จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Save
3. ที่ช่อง Save in เลือกตำแหน่งไดร์ และโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บข้อมูล
4. ที่ช่อง File name พิมพ์ชื่อไฟล์ คลิกปุ่ม Save จะได้ไฟล์นามสกุล .docx 


2. การประยุกต์ใช้  Microsoft PowerPoint

Microsoft  PowerPoint
¡  ใช้สำหรับสร้างและนำเสนอผลงานหรือข้อมูล
¡  แฟ้มที่สร้างขึ้นมาจะมีนามสกุลเป็น  .ppt
¡  นำเสนอได้ในรูปแบบสื่อประสม (Multimedia) เช่น
§  ข้อความ
§  รูปภาพ
§  เสียง
§  วิดีโอ
§  กราฟ ตาราง 

ความสามารถของ Microsoft PowerPoint
¡  สร้างงานนำเสนอ (Presentation)
§  จอภาพ / พิมพ์ลงแผ่นใส / เว็บ
¡  พิมพ์บทพูดประกอบการนำเสนอด้วยวาจาของแต่ละสไลด์
¡  แทรกรูปภาพ กราฟ ตาราง ผังองค์กร วิดีโอ และอักษรศิลป์
¡  มีลูกเล่นอื่นๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจในการนำเสนอ
§  รูปแบบการเปลี่ยนสไลด์
§  การแสดงหัวข้อ เช่น เลื่อนเข้ามาในสไลด์ทีละหัวข้อ เน้นเฉพาะหัวข้อที่กำลังแสดง


การเรียกใช้โปรแกรม
1. คลิกเลือกปุ่ม Start
2. เลือก Programs> Microsoft Office> Microsoft Office PowerPoint 2007



ส่วนประกอบต่างๆ ของจอภาพ







3. การใช้งานโปรแกรม Microsoft Excel

โปรแกรม Microsoft Excel
  • Microsoft Excel หรือเรียกว่า Excel เป็นโปรแกรมที่อยู่ในชุดของMicrosoft Office เช่นเดียวกับ โปรแกรม PowerPoint และ Word
  • เป็นโปรแกรมตารางคำนวณ หรือ สเปรดชีต (Spread Sheet)
  • เหมาะสำหรับการจัดการเกี่ยวกับการคำนวณ หาผลลัพธ์ การสร้างกราฟ แผนภูมิ
  • Excel ยังสามารถป้อนข้อความ แทรกรูปภาพ และสัญลักษณ์พิเศษต่างๆของตัวเลข และการจัดการเกี่ยวกับตารางข้อมูลได้
  • Excel มีฟังก์ชันในการคำนวณให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้มากมาย จึงทำให้สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์คำนวณค่าตัวเลขต่างๆได้สะดวก 


ส่วนประกอบต่างๆ ของจอภาพ